22 ปี หนุ่ม กะลา
ความทรงจำที่แสนพิเศษบนเส้นทางดนตรี
.
เห็นหน้าเห็นตากันมาตั้งแต่เริ่มต้นเข้าวงการจนถึงตอนนี้ นับเวลาได้ก็เป็นเวลากว่า 22 ปีแล้ว สำหรับชีวิตบนเส้นทางดนตรีของ หนุ่ม กะลา ที่ เร็วๆ นี้กำลังจะมีผลงานอัลบั้มเต็มชุดที่ 10 “JOY” ออกมาให้พวกเราได้ติดตามฟังกัน
.
และในฐานะที่ Songtopia เองก็ติดตามชีวิตของผู้ชายคนนี้มาตั้งแต่เริ่มต้น วันนี้เราจึงอยากชวนทุกคนมาย้อนความทรงจำของ หนุ่ม กะลา กันซะหน่อยว่า 22 ปีที่ผ่านมา ผู้ชายคนนี้เดินทางมาอย่างไรและความสนุกสนาน ความสดใหม่ เพลงฮิตต่างๆ ที่เกิดขึ้นมีอะไรบ้าง เอาล่ะครับ ถ้าพร้อมแล้วเรามาทำความรู้จักกับผู้ชายคนนี้แบบเต็มๆ กันอีกครั้งกันได้เลย
.
ย้อนกลับไปในปี 2541 วง “กะลา” คือ วงดนตรีเด็กหนุ่มมัธยมจากโรงเรียนวัดทรงธรรม ที่ลงเข้าแข่งขันการประกวด Hotwave Music Awards ในครั้งที่ 2 และ 3 โดยมีสมาชิกในตอนนั้นประกอบไปด้วย หนุ่ม,โต, นุ และ รุส ทั้ง 4 คน ได้มีโอกาสผ่านเข้าสู่รอบ 10 วงสุดท้ายของการประกวดในครั้งที่ 3 ด้วยลีลาความร็อคจากการเล่นเพลง ทางผ่าน ของ Big Ass และ เพลง Oh Yes ของ Raptor รวมไปถึงเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของหนุ่ม ทำให้วงกะลาได้มีโอกาสในการไปสกรีนเทสต์ออดิชั่นการเป็นศิลปิน Gmm Grammy ต่อในทันที ก่อนที่ท้ายที่สุดหลังจากการประกวดครั้งนั้นจบลงไป 5 เดือนให้หลัง พวกเขาจะได้เซ็นสัญญาเป็นศิลปินในสังกัด Gmm Grammy อย่างเป็นทางการ
.
ปี 2542 หลังจากที่เซ็นสัญญาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทาง Gmm Grammy ก็ได้ส่งวง กะลา มาอยู่กับค่ายเพลงน้องใหม่ในตอนนั้นอย่าง genie records ปลุกปั้นออกอัลบั้มแรกในทันทีและอัลบั้มนั้นก็มีชื่อว่า “กะลา” โดยมี “แม่ครับ”, “ควาย” เป็นเพลงเปิดตัว ด้วยสไตล์เพลงร็อคที่ฟังง่าย เนื้อหาไม่ซับซ้อน ทำให้กะลาถือว่าเป็นอีกหนึ่งวงที่ถูกจับตาในกลุ่มแฟนเพลงวัยรุ่นทันที ก่อนที่ในอัลบั้มนี้จะสร้างเพลงฮิตที่ทำให้วงได้ต่อยอดความสำเร็จก็คือเพลง “รอ” เพลงช้า ลึกซึ้งที่ถ่ายทอดเรื่องราวได้อย่างกินใจ
.
ต่อมาในปี 2544 หลังจากอัลบั้มแรกประสบความสำเร็จไปแล้ว ทำให้ กะลา ได้มีโอกาสทำอัลบั้มที่สองต่อและมีชื่ออัลบั้มว่า “นอกคอก” ที่มีเพลงดังอย่าง “ขอเป็นตัวเลือก” เพลงรักที่มีลูกอ้อนและการใช้คำที่สละสลวย ทำให้เพลงนี้ติดชาร์ตเพลงทั่วประเทศในทันทีหลังจากที่ปล่อยออกมา ก่อนที่จะส่งเพลงดุเด็ดเผ็ดมันส์อย่าง “แม่ (ภาค 2)” ที่ได้ศิลปินเพลงแรปในยุคนั้นอย่าง Dajim มาช่วยเขียนเนื้อเพลงให้อีกด้วย ทำให้หนุ่มและเพื่อนๆ วงกะลา เริ่มเป็นที่รู้จักของแฟนเพลงมากกว่าเดิม
.
หลังจากที่วงกะลาเริ่มมีเพลงฮิตมากมายเกิดขึ้น ทำให้ทางค่ายตัดสินใจทำอัลบั้มพิเศษขึ้นมา “หัวกะทิ” คือ อัลบั้มรวมเพลงฮิตในเวอร์ชันอะคูสติกที่วงกะลาทำออกมาได้อย่างไพเราะและเรียบง่าย
.
พักจากอัลบั้มพิเศษไปได้ไม่นาน ปี 2546 ทั้ง 4 หนุ่มวงกะลายังคงเดินหน้าสานความมันส์ต่อกับอัลบั้มที่ขึ้นชื่อได้ว่า ร็อคที่สุดของวงกะลา กับ “My Name Is Kala” ที่มีเพลงเปิดตัวชื่อเดียวกันกับชื่ออัลบั้ม ก่อนที่จะมีเพลงช้าสุดฮิตอย่าง “บอกสักคำ” และ “เธอเป็นแฟนฉันแล้ว” ออกมาทำให้ยอดขายอัลบั้มนี้ทะลุเกือบถึงล้านตลับ และทำให้ในปีเดียวกัน วงกะลา ถูกนำเข้าสู่โปรเจกต์แห่งปีอย่าง Little Rock Project โปรเจกต์ที่รวมวงร็อคไว้มากมายหลายวงเพื่อเล่นเพลงของวง Micro ซึ่งกะลาก็มีเพลงอย่าง เอาไปเลย, ฝากรอยเท้า, เรามันก็คน และ เติมน้ำมัน อยู่ในโปรเจกต์นี้
.
ถัดมาในปี 2547 เป็นช่วงที่วงกะลาขอเบรกเพื่อเตรียมตัวทำอัลบั้มใหม่กัน แต่ด้วยความสนุกและการชอบลองทำสิ่งใหม่ๆ เสมอ ทำให้ หนุ่ม ตัดสินใจรับเล่นภาพยนตร์ของวัยรุ่นในยุคนั้นอย่าง “พันธุ์ X สุดขั้ว” กับเพื่อนรักอย่าง แบงค์ วง Clash ในปีนั้น และก็เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่วัยรุ่นยุคนั้นจุดจำภาพของพี่หนุ่มได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีเพลงประกอบภาพยนตร์อย่าง “ปีกแห่งความฝัน”, “กลัวไปทำไม” และ “หลับตา”
.
2548 หลังจากที่ชื่อเสียงของวงกะลาและหนุ่ม ทะยานขึ้นถึงจุดสูงสุดทำให้อัลบั้มต่อมาอย่าง “สามัญ” ก็ถูกปล่อยออกมาพร้อมกับเพลงเปิดตัวที่มีชื่อว่า “นายอย่าแฮงค์” เพลงร็อคสไตล์กะลาที่ถูกใจแฟนเพลงในยุคนั้นเป็นอย่างมาก และมีช้าเพลงที่เป็นเอกลักษณ์ของวงอย่าง “เจ็บนี้มันลึก”, “ถ้าเธอหลายใจ” และ “ปิดตา”
.
ปี 2549 วงยังผลิตผลงานดีๆ มาให้แฟนๆ ได้ฟังกัน อัลบั้ม “INSIDE” อัลบั้มที่เปิดตัวด้วยเพลง “ใช่ฉันหรือเปล่า” และติดชาร์ตคลื่นวิทยุทันที อีกทั้งยังมีเพลงฮิตที่ฮิตมากถึงขนาดต้องทำมิวสิควิดีโอเพิ่มเติมขึ้นมาอย่าง “เป็นแฟนกันตั้งแต่เมื่อไหร่ (ควายภาค 3)” รวมไปถึงเพลงช้าที่แฟนเพลงชื่นชอบ “กะลา (ใช่ไหม)” อีกด้วย
.
เดินทางมาถึงอัลบั้มชุดที่ 7 ในปี 2550 กับช่วงเปลี่ยนผ่านของวงการเพลงสู่การปล่อยเพลงในรูปแบบของซิงเกิลก่อนจะปล่อยอัลบั้มเต็ม ทำให้อัลบั้ม Minute ถือว่าเป็นอัลบั้มชุดสุดท้ายกับสมาชิก 4 คนดั้งเดิมในยุคแรกอย่าง หนุ่ม,โต, นุ และ รุส หลังจากที่ทั้ง 4 คนมีความเห็นทางด้านดนตรีที่แตกต่างกันทำให้ต้องแยกย้ายในที่สุด ซึ่งเพลงฮิตในอัลบั้มนี้ก็คือ “4 นาที” เพลงเปิดตัวอัลบั้มนั่นเอง
.
หลังจากการแยกย้ายของสมาชิกเกิดขึ้น ในช่วงเวลานั้น หนุ่ม ตัดสินใจลุกขึ้นเพื่อสู้กับความฝันของตัวเองอีกครั้งกับการฟอร์มสมาชิกของวงกะลา รุ่น 2 ขึ้นมา โดยในครั้งนี้ได้ เพชร (มือกีต้าร์จากวง I-ZAX), เขต และ สมพร (มือกลองจาก Labanoon) เข้ามารับช่วงต่อในการฟอร์มวงขึ้นมาใหม่ และก็ได้ส่งเพลง “ไม่เห็นฝุ่น” ออกมาเป็นซิงเกิลเปิดตัวอัลบั้มเต็มในปี 2553 กับอัลบั้มที่มีชื่อว่า 4Share ซึ่งก็มีเพลง “ทำใจให้ชิน”, “หยุดเพราะเธอ” และ “หมดเวลาแอบรัก” อยู่ในอัลบั้มนี้
.
วง กะลา ในยุคใหม่ที่กำลังพบเจอกับการเปลี่ยนแปลงของกลุ่มผู้ฟังและโลกของการตลาดดนตรีที่เปลี่ยนไป ทำให้อาจจะไม่ประสบความสำเร็จเหมือนดั่งวันวาน หลังจากที่อัลบั้ม Love Infinity ออกวางขายปี 2555 หนุ่มและเพื่อนๆ จึงตัดสินใจยุบวงที่ชื่อว่า กะลา อย่างเป็นทางการในที่สุด แม้ในอัลบั้มนี้จะมีเพลง “ใจเรายังตรงกันอยู่ไหม” และ “นาฬิกาของคนรักกัน” ออกมาแต่ก็ไม่สามารถทำให้เหตุการณ์ที่ทางวงตัดสินใจเปลี่ยนแปลงได้ โดยงานสุดท้ายที่พวกเขารวมตัวกันเล่นดนตรีด้วยกันปี 2557 ก็คืองาน G16 ที่ริมทะเลสาบเมืองทองธานี
.
หลังจากการแยกวงกะลาที่เกิดขึ้นไปเป็นที่เรียบร้อย ทำให้ชีวิตของหนุ่มในช่วงเวลานั้นไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เจ้าตัวเริ่มท้อและหมดไฟในการทำดนตรีไปอย่างชัดเจน แต่ด้วยความฝันและความชื่นชอบในเสียงดนตรีทำให้ หนุ่ม ตัดสินใจลุกขึ้นสู้อีกครั้งในฐานะศิลปินเดี่ยวที่มีนามว่า “หนุ่ม กะลา”
.
โดยในช่วงเวลาแรกการปรากฏตัวของ หนุ่ม กะลา จะมาในรูปแบบของการร้องเพลงประกอบละครทั้งเพลง “คำว่ารักที่เธอไม่อยากฟัง”, “นานเท่านาน”, “หยุดหายใจง่ายกว่า” และ “รักไม่ได้ก็จะรัก”
.
ก่อนที่ในปี 2558 หนุ่ม กะลา จึงตัดสินใจปล่อยซิงเกิลแรกจากการเป็นศิลปินเดี่ยวอย่างเป็นทางการกับเพลง “เขาจะรู้บ้างไหม” ออกมาในที่สุด ซึ่งจากเพลงนี้เองก็ทำให้ผลงานของหนุ่มในภาพของการเป็นศิลปินเดี่ยวเริ่มชัดเจนมากยิ่งขึ้น และอีกเพลงกับ “ปล่อยมือฉัน” ซึ่งเพลงนี้เองก็ทำให้ความฮิตของ หนุ่ม กะลา กลับมาอีกครั้งจากความตั้งใจและความมุ่งมั่นที่หนุ่มยังคงมีให้กับเสียงดนตรีเสมอมา
.
ปี 2559 “อย่าล้อเล่น” และ “แล้วแต่ใจเธอ” ถือเป็นอีก 2 ซิงเกิลที่ได้ปล่อยออกมาและก็เป็นเพลงที่แฟนเพลงหลายๆ คนเริ่มเข้าใจและรับรู้ถึงตัวตนของความเป็น หนุ่ม กะลา ในเวอร์ชันแบบนี้มากขึ้น ที่สำคัญยังส่งผลให้งานโชว์ของหนุ่มกลับมามีมากขึ้นเหมือนที่เคยทำได้ในอดีต และในปี 2560 กับเพลง “ไม่มีปาฏิหาริย์” ก็เป็นอีกหนึ่งเพลงที่หนุ่มส่งสารถึงแฟนเพลงว่า หากมีความฝัน ความตั้งใจ จงมุ่งมั่นและทำมันให้ประสบความสำเร็จนะ
.
2561 อีกหนึ่งปีที่ หนุ่ม กะลา ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากกับเพลง “แอบ” เพลงที่มียอดฟังใน YouTube สูงมากถึง 50 ล้านวิวด้วยกัน อีกทั้งเพลงนี้เองก็ยังฮอตฮิตติดชาร์ตเพลงแทบทุกจังหวัดในประเทศไทยอีกด้วย ทำให้ค่าย genie records ตัดสินใจจัดคอนเสิร์ต “MY NAME is NUM KALA Concert 19 ปีที่รอ #ไม่มาก็คิดถึง” ขึ้นในปีนั้นและก็ได้รับความนิยมถึงขนาดต้องจัด 2 รอบด้วยกัน
.
เพลงต่อมาในปี 2562 หนุ่ม กะลา จึงเลือกที่จะปล่อยเพลงเบาสบายๆ อย่าง “พอแล้ว” ออกมาสร้างรอยยิ้มให้กับแฟนเพลง และส่งเพลง “สบายดีหรือ” ออกมาเป็นอีกหนึ่งเพลงฮิต 50 ล้านวิว พร้อมได้ฤกษ์ดีสร้างผลงานให้เกิดขึ้นมาเป็นอัลบั้มชุดที่ 9 ที่มีชื่อ “Time To Smile” ออกวางขายในช่วงปลายปีนั้นอีกด้วย
.
2563 จากความสำเร็จของอัลบั้ม “Time To Smile” ทำให้ หนุ่ม กะลา ได้ก้าวขึ้นมาอยู่ในจุดที่สูงสุดเหมือนที่เคยทำได้ในอดีตอีกครั้ง กับฐานแฟนเพลงที่ยังคงเหนียวแน่น และความน่ารักเป็นกันเองของเจ้าตัว ยิ่งทำให้เพลง “ลม” อีกหนึ่งซิงเกิลที่อยู่ในอัลบั้มที่ 9 กลายเป็นเพลงฮิตที่ไปไหนต้องได้ยินเพลงนี้กันทั่วบ้านทั่วเมือง ที่สำคัญในปีเดียวกันนี้เอง หนุ่ม กะลา ก็ได้มีโอกาสร่วมงานกับ น้าแอ๊ด คาราบาว ในโปรเจกต์ My Hero ในเพลง ตามตะวัน อีกหนึ่งเพลงที่มียอดวิวสูงสุดถึง 100 ล้านวิวด้วยกัน โดยนอกเหนือจากเพลงนี้แล้วยังมี “อีกนานไหม” เพลงพิเศษก็เป็นอีกเพลงที่สร้างปรากฏการณ์ยอดวิวแตะหลัก 50 ล้านวิวเช่นเดียวกัน
.
กลางปี 2564 หนุ่ม กะลา กลับมาอีกครั้งกับอัลบั้มเต็มชุดที่ 10 “JOY” อัลบั้มที่เต็มไปด้วยเรื่องราว ความสนุกสนาน ความสุขที่ได้มอบให้กับแฟนเพลงมาตลอดเกือบ 22 ปี โดยอัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มที่หนุ่มมีความตั้งใจไว้ว่า อยากจะลองทำสิ่งใหม่ๆ ทดลองทำหลายอย่างที่ไม่เคยทำให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งก็ได้เพลง “จม” เป็นเพลงเปิดหัวในอัลบั้มนี้และเพลงนี้ก็มียอดสูงถึง 20 ล้านวิว ก่อนที่จะส่งเพลง “กลับไปก่อนได้ไหม” ที่เป็นการร่วมงานกันครั้งแรกของ หนุ่ม กะลา และแขกรับเชิญคนแรกในอัลบั้มนี้อย่าง URBOYTJ ที่ผสมผสานคาแรคเตอร์ของเพลงออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ก่อนที่ล่าสุดกับเพลง “ไม่อาจจะหยุดรัก” ที่ความพิเศษก็คือการได้ บอย Peacemaker มาร่วมร้องเพลงด้วยกันเป็นครั้งแรกอีกด้วย และเร็วๆ นี้ก็จะมีเพลงที่ร่วมร้องกับ….. (ไปบอกหรอก รอติดตามนะบอกเลยว่า เซอร์ไพร์สมากๆ แน่นอน)
.
และนี่ก็คือชีวิตบนเส้นทางดนตรีของ หนุ่ม กะลา ตลอดระยะเวลา 22 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่วันแรกที่เข้าวงการจวบจนถึงปัจจุบัน เราจะเห็นได้ว่า ชีวิตของหนุ่มมีช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความสุข ความสนุก และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็ตาม หากเรายังมีความฝันที่ชัดเจนและจิตใจที่มุ่งมั่นในการทำสิ่งนั้นให้สำเร็จและเป็นจริงให้ได้ ฉะนั้นแล้วเนื่องจากในเร็วๆ นี้ พวกเรากำลังจะได้พบกับอัลบั้มชุดที่ 10 จากหนุ่ม กะลา กันแล้ว Songtopia ก็อยากจะพลังและกำลังใจให้กับทุกก้าวที่ หนุ่ม กะลา จะเดินต่อจากนี้ ให้ผลิตผลงานเพลงดีๆ ให้พวกเราฟังกันตลอดไปนะครับ
.
ว่าแล้วใครทัน หนุ่ม กะลา ช่วงไหนกันบ้าง แวะมาเล่าให้พวกเราฟังกันได้นะ
#Songtopia