ด้วยความที่ช่วงต้นปีคอนเสิร์ตส่วนใหญ่มักจะเป็นเฟสติวัลที่อยู่ไกล จนทำให้เราต้องคลายความเหงาหูด้วยการดูคอนเสิร์ตออนไลน์และไลฟ์เซสชั่นต่างๆ แต่สุดท้ายเราก็โชคดีรับปีมังกร เพราะมีรายการเพลงน้องใหม่รายการหนึ่งที่ไม่ใช่แค่โชว์ดี แต่มีกิมมิกน่าสนใจ จนรอดู EP ต่อไปไม่ไหวแล้ว!
โดยรายการที่ว่านั้นคือรายการ Song Of Fame เพลงคู่สยาม เพิ่งออกอากาศได้ 2 ตอน มีศิลปินรับเชิญระดับตำนานอย่าง The Impossibles และ Tik Shiro ซึ่งนอกจากการเอาเพลงในยุคที่หาฟังไม่ได้ง่ายๆ มาอยู่บนจอทีวีและออนไลน์แล้ว รายการนี้ยังมีคอนเซ็ปต์การคอลแลปส์ระหว่างเจ้าของเพลง กับศิลปินรุ่นใหญ่ที่หลายคนคุ้นหน้า และอีกกลุ่มคือเน็กซ์เจนเด็กรุ่นใหม่ของวงการเพลง
การแสดงใน Song Of Fame เพลงคู่สยาม จะไม่เหมือน Music Show อื่นๆ เลย เพราะนอกจากเพลงต้นฉบับ ที่เราได้ฟังจากศิลปินระดับตำนานแล้ว ยังมีการแสดงร่วมกันของศิลปินต่างรุ่น ซึ่งเราจะได้เห็นการร้องของต้นฉบับกับศิลปินอีกเจน โดยใครที่ได้ดูจะเห็นชัดเลยว่าการร้องของศิลปินแต่ละยุคมีวิธีต่างกัน และการตีความแตกต่าง จนกลายเป็นโชว์ที่ไม่เหมือนใครและไม่น่าจะเห็นได้จากที่อื่นได้ง่ายๆ ส่วนดนตรีนั้นไม่ต้องพูดถึง จัดเต็มทุกชิ้น เรียกได้ว่าดูจบรายการแล้ว “หูเคลือบทองแน่นอน!” แถมฉากก็สวยด้วยนะ
ในส่วนของน้องๆ ที่มารายการส่วนใหญ่เป็นเด็กที่กำลังฝึกฝนฝีมือและลับคมความสามารถ อย่างน้อง มิชชี่ มิญชญา ศิลปินวัย 16 มากรางวัลการันตีที่ทั้งร้องเพลง แถมโชว์ฝีมือไวโอลินในเพลง “โอ้รัก” กับพี่สุเมธ องอาจ และอีกคนคือ น้องแพรวา ที่แม้จะเป็นการออกรายการครั้งแรก แถมยังต้องเจอโจทย์ยากอย่างการร้องเพลงจากยุคที่ไม่ได้ใช้ภาษาเหมือนเพลงปัจจุบัน แต่ก็ยังโชว์เพลง “ชั่วนิจนิรันดร์” กับพี่จิ๊บ วสุ ได้อย่างลงตัว ก่อนจะมาร้องเพลง “เป็นไปไม่ได้” ส่งท้ายร่วมกัน ซึ่งหลังจากรายการ Song Of Fame เพลงคู่สยาม เราเชื่อว่าน้องๆ เหล่านี้จะเติบโตอย่างคุณภาพในฐานะศิลปินแน่นอน และคลิปในรายการอาจจะเป็นดิจิตอลฟุตปริ๊นท์ที่หลายคนกลับมาดูในวันที่น้องๆ ประสบความสำเร็จจนหลายคนต้องกลับมาคอมเมนต์ว่า “อ้าว น้องคนนี้นี่นา ที่ร้องเพลงนั้น”
ส่วนรุ่นพี่หรือที่รายการเรียกว่าศิลปินรุ่นใหญ่นั้น แต่ละคนประสบการณ์แน่นและเจนเวทีกันสุดๆ ทั้งพี่สุเมธ องอาจ, พี่จิ๊บ วสุ, พี่วิทย์ AF, พี่เด็บบี้ บาซู ซึ่งทั้งสี่มีความทรงจำผูกพันกับศิลปินระดับตำนานที่มาร่วมโชว์ แถมยังละลายพฤติกรรมน้องๆ รุ่นใหม่ด้วยความเป็นกันเอง ทำให้พวกเขาเป็นจิ๊กซอว์ที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับทั้ง 2 ตอนที่เพิ่งออนแอร์ไป
และที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือศิลปินต้นฉบับที่มาพูดคุยย้อนความทรงจำผลงานตัวเอง ซึ่งการมีศิลปินต่างรุ่นมาร่วมพูดคุยในรายการ ก็ทำให้บทสนทนาใน Song Of Fame เพลงคู่สยาม ออกมาแตกต่าง เพราะจะมีโมเมนต์ที่เจ้าของผลงานได้ฟังเรื่องราวประทับใจที่มีต่อผลงานที่เขาสร้างไว้จากศิลปินรุ่นใหญ่และศิลปินรุ่นใหม่ที่ติดตาม รวมถึงบทสนทนาจากมุมมองของคนสองวัย จนเกิดประเด็นที่เราไม่ได้ฟังจากรายการทอล์กดนตรีที่มักจะเป็นการสื่อสารระหว่าง “พิธีกร” และ “ศิลปินรับเชิญ” และช่วงท้ายเราก็มีการโชว์ปิดอย่างเช่นเพลง “คอยน้อง (The Impossibles)” และ “ชัดเจน (Tik Shiro)” ที่ทุกคนร้องด้วยกัน
สิ่งที่เรามองว่าอาจจะเป็นโมเมนต์เล็กๆ แต่แสดงถึงความใส่ใจและให้เกียรติในบทเพลงที่หยิบมาเชิดชู ก็คือการมอบ Trophy ให้กับศิลปิน จนเรานึกถึงการมอบรางวัลในรายการเพลงของเกาหลีอย่าง Inkigayo (อินคิกาโย) ของ SBS ที่จะมอบรางวัลให้เพลงฮิตสุดของแต่ละวีค ซึ่งถ้าในยุค The Impossibles มีรายการเพลงแบบนี้ เพลงของพวกเขาต้องได้รางวัลจากรายการที่การันตีความพิเศษของเพลงแน่นอน ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เราขอซูฮก Song Of Fame เพลงคู่สยาม ที่ทำให้ภาพการมอบ Trophy เพลงฮิตที่ไม่ได้เกิดในวันวาน ได้เกิดขึ้นจริงใน พ.ศ. นี้
ในฐานะคนฟังดนตรี บอกเลยว่าปี พ.ศ. 2567 เป็นปีที่คนฟังดนตรี “อิ่ม” กันสุดๆ เพราะนอกจากคอนเสิร์ตที่มีมาให้เลือกชมแทบทุกสัปดาห์จนเกิดอาการ “รักพี่เสียดายน้อง” สุดๆ ยังมีไลฟ์เซสชั่นออนไลน์คุณภาพดีๆ ของศิลปินให้ชมกันแบบไม่ได้พัก ทั้งจากตัวศิลปินเอง ไปจนถึงช่องคอนเทนต์ต่างๆ บางคลิปถึงกับกลายเป็นไวรัลและพาเพลงในอดีตกลับมามีกระแสอีกครั้งใน พ.ศ. นี้ ขาดไม่ได้กับ Song Of Fame เพลงคู่สยาม เป็นอีกรายการที่จะมาพร้อมกับเรื่องราวทรงคุณค่าและโชว์ดีๆ อีกเพียบ จนคนดูไม่รู้จะดูหรือฟังคลิปไหนก่อน หรืออาจจะนั่งดูบางโชว์ซ้ำๆ แบบมูฟออนเป็นวงกลม
ติดตามรายการ Song Of Fame เพลงคู่สยาม ได้ทุกคืนวันอาทิตย์ เวลา 21.30 น. ทาง Thai PBS หรือดูย้อนหลังได้ที่ www.thaipbs.or.th/SongOfFame
#SongOfFame #เพลงคู่สยาม